เก็บตก LIVERPOOL F.C. IN THAILAND สวัสดีครับ THE KOP IN THAILAND ทุกๆท่าน ก็ผ่านไปแล้วกับความทรงจำดีๆกับ สโมสรในดวงใจ LIVERPOOL F.C ของ THE KOP ทุกๆท่าน ที่มีโอกาสมาทัวร์ ประเทศไทย และโชว์ฝีเท้าให้พวกเราได้ชมกันในเมืองไทย ตั้งแต่ 17 กรกฏาคม - 19 กรกฏาคม 2544 โดยส่วนตัวผมแล้ว ก็ยอมรับนะครับว่ารู้สึกว่า 3 วันที่นักเตะ ลิเวอร์พูล มานั้นช่างไวเหลือเกิน แต่เวลาที่เรารอคอยสโมสร ลิเวอร์พูล ให้มาทัวร์เมืองไทยนั้น ช่างนานเสียเหลือเกิน (ทุกท่านว่าจริงไหมครับ ?) ครั้งที่แล้วก็เมื่อ 18 ปีที่ผ่านมา เรียกได้ว่านักเตะยุคนั้นกลายมาเป็น coach กลายมาเป็นผู้จัดการทีม ก็มีบ้างแล้วครับ และไม่รู้ว่าอีกกี่ปี? ลิเวอร์พูล จะมาเมืองไทยอีก ในฐานะที่ผมเป็น ประชาสัมพันธ์ของ ลิเวอร์พูลไทยแลนด์แฟนคลับ ( L.T.F. ) ผมก็มีเรื่องเก็บตก เกี่ยวกับเรื่องราวที่ประสบมาส่วนตัว และกิจกรรมที่ทำร่วมกับ ลิเวอร์พูลไทยแลนด์แฟนคลับ( L.T.F. ) ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการได้ใกล้ชิดกับ นักเตะ LFC. และบรรดา Staff ของ LIVERPOOL F.C. มาบรรยายให้เหล่าพลพรรค THE KOP ได้รับรู้ทุกเรื่องราว ทุกเหตุการณ์ ทุกช๊อตเด็ด ให้ทุกท่านได้ทราบกันครับอย่างถ้วนหน้า อย่างไม่มีการปิดบังแต่อย่างใดนะครับ
วันอังคาร ที่ 17 กรกฎาคม 2544 ตามกำหนดการแล้ว นักเตะ LIVERPOOL และ STAFF จะมาถึงเมืองไทย โดยสายการบิน SG 64 ประมาณ 15.00 น. และจากนั้นนักเตะ ก็จะขึ้นรถทันที เพื่อไปทำการแถลงข่าวที่เข้าที่พักที่ โรงแรม เมอร์ชั่น คอร์ท รัชดาฯ ซึ่งก่อนหน้าที่นักเตะ ลิเวอร์พูล จะมาถึงเมืองไทยนั้น พวกเรา ลิเวอร์พูลไทยแลนด์แฟนคลับ ( L.T.F. ) มาเตรียมตัวที่จะรับนักเตะตั้งแต่ 13.00 น. ซึ่ง พี่อ๊อด ก็ได้มาก่อนเป็นคนแรก และก็มีสมาชิกอีกบางส่วน ที่มารออยู่แล้วด้วย ซึ่ง L.T.F. ได้รับความกรุณา จากผู้จัด COKE และ IMG โดยมอบบัตรแถลงข่าว 100 ใบ ให้พวกเราและบรรดาสมาชิก ลิเวอร์พูลไทยแลนด์แฟนคลับ ได้เข้าร่วมกันแถลงข่าวด้วย ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณ ผู้สนับสนุน ในครั้งนี้ด้วย ที่ให้โอกาสพวกเรา ในการ เข้าร่วมงานแถลงข่าว ในครั้งนี้ เรียกได้ว่า น้อยคนนัก ที่จะเข้าไปร่วม งานแถลงข่าวในครั้งนี้ได้ ก่อนที่ผมเองจะไปงานแถลงข่าวนั้น ก็ได้มีพี่ๆนักข่าว จาก UBC 8 ซึ่งเขาขอสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ (รุ่นโทรศัพท์ผมรุ่น DTOM โปรโมรชั่นจะหมดเมื่อ LIVERPOOL กลับ ฮ่าๆ) ซึ่งเป็นการสัมภาษณ์สดออกทีวี ซึ่งเขาก็บอกว่า เป็นคำถามไม่ยากนัก ผมลืมไปแล้วว่า ตอบอะไรไปบ้างแต่ก็ผ่านไปด้วยดี และผมก็มาถึงโรงแรมประมาณ 13.30 ผมเองกำลังจะหา ที่เตรียมแจกบัตร ในการเข้าชมการแถลงข่าวของ ลิเวอร์พูล อยู่นั้นก็ได้มีพี่นักข่าว ITV มาขอสัมภาษณ์ออกรายการ สีสันบันเทิง ซึ่งพี่เขาก็บอกว่า จะออกอากาศวันนี้เลยประมาณ 18.50 วันนี้ เกี่ยวกับเพลงประจำสโมสรทิ่ยิ่งใหญ่ YOU " LL NEVER WALK ALONE ซึ่งหลายคนก็บอกว่า พี่ฐาดังใหญ่แล้ว ได้เวลาแจกบัตรเข้าชมงานแถลงข่าวสักที แต่ปัญหาตอนนี้ ก็ไม่มีโต๊ะที่จะแจกนะสิครับ ไม่รู้จะทำไงดี ก็โชคดีอีกนั่นแหล่ะครับ พี่หงส์ ช่วยอำนวยความสะดวก ให้พวกเรา ซึ่ง ขอขอบคุณพี่หงส์ มากครับ ที่ช่วยกรุณาหาสถานที่ ให้เราแจกบัตรเข้างานแถลงข่าว และจากนั้นบรรดา Staff ลิเวอร์พูลไทยแลนด์แฟนคลับ ( L.T.F. ) ก็ทยอยมาถึงโรงแรม พี่ทอม พี่ชัย และน้องๆ จากแฟนคลับก็ทยอยมา รวมถึง น้องตั้น พิเชษฐ์ชัย ผลดี ( คนนี้สาวๆกรี๊ดกันตึม ) น้องโก๊ะตี๋ , น้องเล็ก ระวี อินทรพรอุดม ก็มางานนี้กับเขาด้วยครับผม (ส่วนพี่บูมพลาดงานนี้ เพราะต้องติดตามของ ที่ระลึกที่จะมอบให้นักเตะทีมลิเวอร์พูลทั้งทีม ซึ่งก็เสียดายแทน ที่พี่บูมด้วยครับ ที่พลาดงานนี้ไป)ซึ่งบรรยากาศในการรอรับนักเตะ ที่หน้าโรงแรมนั้น เป็นไปอย่างคึกคักเป็นอย่างมาก THE KOP ทุกท่านมาแสดงพลัง กันอย่างล้นหลามทั้งที่วันนั้นเป็น วันอังคาร (ไม่ใช่วันหยุดราชการแต่อย่างใด) แต่ทำไมคนมาต้อนรับ ถึงได้เยอะอย่างนี้นะ มีทั้ง รุ่นเก๋า รุ่นเก่า วัยรุ่น เด็กนักเรียน เด็กตัวเล็กๆ ก็มี (ทุกระดับชั้น ประถม - มัธยม - มหาวิทยาลัย ทุกสถาบัน) ผมถาม THE KOP บางท่านที่ทำงานแล้ว เขาบอกผมว่า ยอมลางาน 3 วัน บางคน ยอมลาพักร้อนไปเลย สำหรับเด็กนักเรียนบางคน ยอมโดดเรียน บางคนโดดสอบด้วยซ้ำ เพื่อที่จะได้มา ร่วมต้อนรับนักเตะ และสโมสรที่เขารัก ( น่าทึ่งจริงๆ สำหรับเลือดของ THE KOP ในเมืองไทย) เหลือเวลาไม่ถึงชั่วโมงแล้วที่นักเตะ LIVERPOOL จะเดินทางมาถึงเมืองไทย แต่ก็มีข่าวร้าย จากใครก็ไม่รู้บอกว่า เครื่องบินเที่ยวที่ นักเตะ LIVERPOOL จะมาช้ากว่าเดิม 2 ชั่วโมง ซึ่งทำเอาผมกับพี่อ๊อด จุกไปเลย และมูลเหตุก็น่าเป็นใจเหลือเกิน เมื่อวงดุริยางค์ ที่จะมาต้อนรับนักเตะนั้นกลับไปหมดแล้ว ตายแน่!!!!! ถ้าเครื่องช้า 2 ชั่วโมงจริงๆ เราจะทำไงดีหล่ะ ก็ได้แต่ภาวนานะครับว่าอย่าให้เป็นอย่างนั้นจริงๆเลย และแล้วทุกอย่างก็ไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลง เป็นไปตามกำหนดการทุกอย่าง 15.30 น. นักเตะและ Staff LIVERPOOL มาถึงโรงแรมโดยสวัสดิภาพ พร้อมกับรับพวงมาลัย คล้องคอ ซึ่งในขณะ ที่นักเตะเดินทางเข้ามาในโรงแรมนั้น THE KOP ทุกๆ ท่านต่างตะโกนเรียก ชื่อของนักเตะที่ตนเองชอบ (โดยเฉพาะสาวๆ กรี๊ดเสียงดังมาก) รวมถึงพยายามขอลายเซ็นนักเตะ รวมถึง ขอสัมผัสมือกับนักเตะด้วย ตรงนี้เอง THE KOP เยอะมากๆ ผมมองไม่เห็นว่านักเตะคนใด เดินนำมาก่อน ใครมาทีหลัง แต่ที่ผมเห็นคือ ริค แพร์รี่ , โจ โคริแกน เดินนำมาก่อน และ นักเตะทุกคนก็เดินตามมา ตรงที่ผมยืนนั้น Barmby , Fowler , Traole , Heskey , Redknapp เดินผ่านและยื่นมือให้ The Kop ทั้งหลายได้สัมผัสกันอย่างทั่วถึง ซึ่งตัวผมเองก็ได้สัมผัสกับ Redknapp อย่างเต็มๆเลยครับ จากนั้นนักเตะก็รวมกันเพื่อถ่ายรูปหมู่ (รูปนี้เป็นรูปที่ส่วนใหญ่ จะเห็นแล้วจากทาง หนังสือพิมพ์บ้าง ทางเว็ปไซด์ บ้าง) จากนั้นบรรดา นักเตะก็ได้ยืนแจกลายเซ็น ให้บรรดา แฟนบอล ทั้งหลายซึ่งที่ผมเห็นก็เป็น Berger ซึ่งหลบอยู่ข้างเสา กำลังแจกลายเซ็นให้แฟนๆ อยู่นั่นเอง จากนั้นบรรดา Staff และ นักเตะ LIVERPOOL ก็ขึ้นลิฟต์เพื่อเข้าห้องพัก และเตรียมตัวที่จะลงมาแถลงข่าวกัน ตอนนี้ พวกเรา ลิเวอร์พูลไทยแลนด์แฟนคลับ (L.T.F.) ก็ได้นำสมาชิกที่มีบัตรแถลงข่าวเข้า ร่วมฟังการแถลงข่าว ณ ห้องบอลรูม ซึ่งบรรยากาศในห้องแถลงข่าวนั้น เมื่อเข้ามาถึงเราเห็นกล้องทีวีจำนวนมาก รวมถึงช่างภาพจากหนังสือพิมพ์ต่างๆ ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติต่างวุ่น อยู่กับการเตรียมกล้องเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ กันอยู่ รวมถึงพลพรรค THE KOP ที่เข้ามาร่วมงานแถลงข่าวในครั้งนี้ก็มีอยู่ไม่ใช่น้อย 16.00
- 17.00 เริ่มงานแถลงข่าว COKE SUPER CUP "LIVERPOOL IN THAILAND"
ก่อนที่จะมีการแถลงข่าวนั้น ผมก็ได้เจอกับ พี่ JIMMY IMG พี่ชายที่น่ารัก
และคอยประสานงาน กับแฟนคลับของเราเป็นอย่างดี การแถลงข่าวในครั้งนี้ มีตัวแทนผู้สนับสนุน
match ประวัติศาสตร์ครั้งนี้ ร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย และตัวแทน LIVERPOOL
FC. ก็คือ ริคค์ แพร์รี่ (ผู้บริหารสโมสร) , ฟิล ธอมป์สัน (ผู้ช่วยผู้จัดการทีม)
, และ เชราร์ อุลลิเยร์ ผู้จัดการทีมคนที่ 2 ของลิเวอร์พูลที่สามารถทำทีมได้
Treble แชมป์ ซึ่งพิธีกรในงานนี้ก็คือ พี่เป๊กกี้ และ คุณเทพพิทักษ์ (ขาประจำช่อง
9) ซึ่งรายละเอียดนั้น เกี่ยวกับการแถลงข่าวนั้นก็เป็นเรื่องทั่วๆ ไปเกี่ยวกับ
วัตถุประสงค์ ของการมาทัวร์ ทวีปเอเชียในครั้งนี้ รวมถึงการเดินทางมาเจอกับทีมชาติไทยด้วย
และ อุลลิเย่ร์ ยังย้ำมาว่าแม๊ตซ์นี้นั้น เป็นแม๊ตซ์ที่มีความสำคัญต่อทีมลิเวอร์พูลมากในระดับหนึ่ง * คำถามจาก
THE KOP และ บรรดาสื่อมวลชน
17.20 น. นักเตะทั้ง
3 คน FOWLER , HYYPIA , REDKNAPP เข้ามาพร้อมด้วยถ้วยรางวัล 3 แชมป์ ลีกคัพ
, เอฟ.เอ.คัพ , ยูฟ่าคัพ เข้าสู่ห้องแถลงข่าว พร้อมทั้งตั้งถ้วยทั้ง 3 ใบนั้น
ให้แฟนบอลได้ถ่ายรูปด้วย ซึ่งทั้ง 3 คนเรียกเสียงกรี๊ดจากบรรดาแฟนๆในห้อง
บอลรูม ได้มากทีเดียว ซึ่งนักเตะทั้ง 3 คนกล่าวแสดงความดีใจ ที่ได้มีโอกาสมาทัวร์เอเชีย
และประเทศไทยด้วย ซึ่งทั้ง 3 กล่าวว่าแม๊ตซ์ ที่จะแข่งในวันพรุ่งนี้นั้น
ถือว่าเป็นแม๊ตซ์ ที่พวกเขาคิดว่าเป็นแมตซ์ที่ยาก ในระดับหนึ่ง เพราะทีมชาติไทยมีผู้เล่นที่มีความสามารถอยู่หลายคน
และพวกเขา ก็จะเล่นแมทซ์นี้อย่างเต็มที่ อย่างแน่นอน * คราวนี้ก็มาถึงคำถามของแฟนๆ
และสื่อมวลชน
สำหรับงาน Dinner นั้น โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าอาหารฝรั่งน่าจะเป็น เนื้อ นม ไข่ ขนมปัง เนย อะไรทำนองนี้ เหมือนอาหารฝรั่งทั่วๆ ไปแต่ ทางผู้จัดบอกกับเราว่า อาหารในวันนี้นั้น เป็นอาหารประเภทที่ นักเตะรับประทานในการควบคุมน้ำหนัก นั่นเอง จึงไม่เหมือนกับอาหารฝรั่ง ที่เราเคยเห็นหรือเคยทานกันทั่วๆไป เริ่มจากจานแรก เรียกน้ำย่อยก่อน 1.หอยแมงภู่อบราดซอส ทานกับผักสดและชีส (มีปลาแซลมอนด้วย น้าฐาลืมละซิ เติมให้ละกัน:โป้ง) ซึ่งอาหารเรียกน้ำย่อยนี้นั้น หลายคนไม่ค่อยคุ้นเคย เท่าไรนัก รวมถึงผมเองก็ด้วย รายการต่อมาตามมาติดๆ 2.ซุปผัก อร่อยมากครับซุปผักนี้นั้น ซดแล้วโล่งคอจริงๆเลย และรายการที่ 3.ไก่อบราดไวย์แดงรสหวาน อาหารชุดนี้อร่อยมาก (แซบอีหลีเด้อ) และเป็นที่สังเกตุว่า อาหารชุดนี้นั้นมีแต่เนื้อไก่ล้วนๆ ไม่มีหนังไก่ หรือส่วนที่ติดไขมันเลยสักนิดเดียว แสดงให้เห็นว่าอาหารที่นักเตะทานนี้ มีความสำคัญ ต่อร่างกายนักเตะอย่างแท้จริง หลังจากอาหารจานนี้แล้ว ก็ถึงคิว ของอาหารหวานบ้างหล่ะครับผม ที่ผมเห็นเป็น ไอศกรีม ซึ่งดูเหมือนไอศกรีม กะทิทั่วๆไป แต่ว่าไม่ใช่อย่างที่คิด ซึ่งต้องขอบคุณพี่ยุ้ย ด้วยนะครับ ที่ชิมก่อนผมและเป็นคนบอกผมว่า "ขมจังเลยทำมาจากอะไรเนี่ยะ" ซึ่งผมก็งงนะครับว่า ทำไมมันถึงขม เพราะดูๆแล้ว ก็เหมือนไอศกรีม บ้านเรานี้เอง แต่ผมก็ได้ลองทานด ูแล้วก็ปรากฏว่าเป็น ไอศกรีมที่ออกรสขมจริงๆ (น่าจะมีส่วนผสมของเปลือกมะนาว หรืออะไรสักอย่างที่ขมแน่เลย) และปิดท้ายด้วย กาแฟ หรือ ชา + ขนมเค้ก เป็นการปิดท้าย Dinner กับนักเตะ LFC. อย่างประทับใจ Staff Liverpool Thailand Fanclub เหลือเกิน ผมเชื่อว่า ทุกคนที่มาในวันนี้นั้น คงจะไม่มีใครลืมความประทับใจแบบนี้ได้อย่างแน่นอน
ปฏิบัติการดังกล่าวก็เริ่มจาก นักเตะโต๊ะที่ใกล้ที่สุด ยารี่ ลิตมาเน่น กับ ซามี่ ฮูเปีย 2 ดาวเตะ ทีมชาติฟินแลนด์ ซึ่ง ผมก็ได้บอกกับ ซามี่ ฮูเปีย ว่า "ลักษณะการเล่นของคุณคล้ายๆกับ อลัน แฮนเซ่น มาก" ซึ่ง ฮูเปีย ก็ยิ้มและตอบกลับมาว่า ขอบคุณในคำชม จากนั้นก็ตามด้วย ยารี่ ลิตมาเน่น ซึ่ง ลิตตี้ และ ฮูเปีย นั้นดูลักษณะเป็นมิตรมากเลยครับผม สำหรับลิตตี้นั้น ผมบอกเขาว่า "ปัญหาการบาดเจ็บ ที่ข้อมือเป็นอย่างไรบ้าง?" ซึ่ง ลิตตี้ ก็บอกกับเราว่า "หายดีแล้วและก็พร้อมที่จะลงสนามได้แล้ว และฤดูกาลหน้า เขาหวังว่าคงจะไม่ได้รับบาดเจ็บ เช่นนี้อีก "ต่อด้วย ดาวยิงผิวหมึก เอมิล เฮสกี้ ซึ่งผมกับพี่ชัย The Kop ก็ได้ถ่ายรูปด้วย ซึ่งไม่ได้คุยอะไรกับ เอมิล เท่าไหร่นัก และจากนั้น ก็เดินไปทางฝั่งโน้น เป็นคู่หูชาวเยอรมัน ฮามันน์ และ บับเบิ้ล ซึ่งทั้งคู่ ให้ความเป็นมิตร กับเรามาก พวกเราได้ถ่ายรูปและได้ลายเซ็น นักเตะทั้งสองคน รวมถึงได้ร่วมถ่ายรูป กับนักเตะทั้ง 2 ด้วย
ก็อีกนั่นแหล่ะ ที่ผมไม่ได้พูดคุยกับนักเตะทั้ง 2 คนเลย จากนั้นก็เดินข้ามฟาก ไปอีกโซนเลย คราวนี้เป็น กัปตันทีมทั้ง 2 ของลิเวอร์พูล เจมี่ เร็ดแนปป์ และ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ซึ่งในกรณีของ ร๊อบบี้ นั้นผมได้บอกเขาว่า "คุณรู้ไหมว่าพี่ชัย นั้นหน้าเหมือนคุณมากๆเลย เหมือนกับ พี่ชาย-น้องชาย เลยหล่ะ" ซึ่ง ร็อบบี้ ก็มองหน้าพี่ชัยและก็มองอย่างงง และก็ยิ้มเล็กน้อย (คงจะคิดในใจว่า เหมือนซะทีไหน เขาหล่อกว่าตั้งเยอะ อันนี้ เพื่อน ๆ ลองคิดดูเองแล้วกันครับ) และเช่นกันถึงคราว เจมี่ บ้างหล่ะ ผมก็บอกเขาว่า "ฤดูกาลหน้าเขาคงจะกลับมาเล่นได้อีกครั้ง และเค้นฟอร์มสุดยอด รวมถึง ปราศจากอาการบาดเจ็บ รบกวนอีกนะครับ " ซึ่ง เจมี่ บอกเราว่า "เขาจะพยายามเค้น ฟอร์มอันสุดยอด ออกมาและขอบคุณในคำอวยพรของคุณด้วย" จากนั้น เราก็เดินไปยังอีกโต๊ะหนึ่งซึ่ง เป็นโต๊ะของ คู่หูสาธารณรัฐเช็ค คือ วลาดิเมีย ซมิเซอร์ และ แพทริก เบอร์เกอร์ ซึ่งทั้งสองยิ้มแย้มแจ่มใสดีมาก ซึ่งพี่ชัย ก็บอกผมว่าช่วยบอกแพทริก ด้วยว่า " ฤดูกาลหน้าให้ทำประตูจากการยิงไกลให้ได้เยอะๆนะ และผมก็เสริมว่า และก็อย่าให้อาการบาดเจ็บ รบกวนนะครับ" ซึ่ง แพทริก ตอบเราว่า " เขาจะทำอย่างที่เราบอกนะ ขอบคุณในคำอวยพร" และก่อนที่เราจะเดินกลับโต๊ะ ก็ได้เจอกับ นักเตะสก๊อตแลนด์ แกรี่ แม็คคัลลิสเตอร์ นั่นเอง ซึ่งน้าแม๊คนั้นใจดีมาก เลยครับ เดินให้ทุกๆท่านได้ถ่ายรูปกัน และพวกเราก็โชคดีด้วยนะครับ ที่ได้มีโอกาสได้ถ่ายรูปด้วยครับผม โอ๊ะ โอ๋ หลังโต๊ะของ แกรี่ แม๊คนั้นไม่ใช่ใคร แซมมี่ ลี อดีตนักเตะลิเวอร์พูลนั่นเอง ผมก็ไม่พลาดที่จะพูดคุยกับเขาหลอกครับเนื่องจากว่า แซมมี่ ลี เป็นนักเตะที่ได้แชมป์ ยูโรเปี้ยนปี 84 ซึ่งผมบอกเขาว่า สมัยที่คุณเล่นนั้น คุณเป็นเหมือนหัวใจ ในแดนกลางจริงๆ เหมือนกับ เจอร์ราด์ เลย ซึ่ง แซมมี่ ดูจะดีใจมากที่เราพูดเช่นนั้น ถ้ามีแต่ แซมมี ลี แต่ไม่มี ฟิล ธอมป์สัน ก็กระไรอยู่ จากที่ผมเจอ ตอนที่แถลงข่าวแล้วก็มาถึงคราวที่ผมเจอที่ dinner บ้าง ผมก็บอกเขาว่า " คุณจำได้ไหม คุณพูดอะไรไว้กับผม ตอนที่ LFC. เจอกับ บาร์ซ่า ในรอบตัดเชือก คุณบอกว่า กลัวบาร์ซ่าอยู่คนเดียว (ริวัลโด้) แต่คุณมั่นใจว่าจะได้ไปเล่นที่ โวฟ์ฟาเล่น สเตเดี้ยม และจะนำถ้วย ยูฟ่า คัพ กลับอังกฤษให้ได้ " ซึ่ง เขาก็บอกว่าเขาจำได้ และเขาก็ทำได้แล้วด้วย และผมก็บอกว่าแล้ว ฤดูกาลหน้า คุณคิดว่าเป็นเช่นไรบ้าง? เขาบอกว่า จะนำแชมป์พรีเมียร์ลีก และ ยูโรเปี้ยนคัพ มาสู่ แอนฟิลด์ ให้ได้ ซึ่งผมก็บอกว่า พวกเราจะคอยติดตามให้ได้แชมป์ในที่สุด ขณะที่กำลังจะกลับนั้น ก็โชคดีอีกนั่นแหล่ะ คือมีโอกาสได้เจอกับ นักเตะดาวรุ่นชาวนอร์วีเจี้ยนคนใหม่ ริชเช่ ซึ่งผมก็ไม่พลาดที่จะเก็บภาพประทับใจนี้ไว้ ซึ่งผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ก็ได้แต่ยิ้มๆด้วยกันทั้งคู่นั่นเอง แต่ดูแล้วเขาท่าทางจะสนิทกับ โฟเด้ คิปเป้ มากครับผม อาจจะเป็นเพราะชนชาติเดียวกันก็เป็นไปได้ ก็เรียกได้ว่าได้ภาพ มาเยอะพอสมควรแล้วครับ ก็นั่งโต๊ะรับประทานอาหารกันต่อดีกว่านะ แต่ขณะที่กำลังจะตักไก่ใส่ปากนั้น ก็พอดีมีนักเตะที่ลงสนามมากที่สุดในฤดูกาลที่ผ่านมา เขาก็คือ ซานเดอร์ เวสเตอร์เฟลด์ นั่นเอง เขากำลังแจกลายเซ็นให้โต๊ะข้างๆอยู่ด้วย ผมก็ไม่รีรอวางช้อน - วางมีด และหยิบกล้องทันทีเลย และก็ได้รูปเขาอย่างที่ใจต้องการ และก็ชมเว็ปไซด์ของเขาด้วยว่า เป็นเว็ปไซด์ ที่สวยมากและเราก็อ่านเว็ปไซด์ของคุณเสมอๆ โดยเราอ่านจาก การแปลจากภาษาอังกฤษ เป็นภาษาไทย (จากคอลัมน์ พี่ไทซอน) ซึ่ง ซานเดอร์ บอกพวกเราว่า ขอบคุณมากที่อ่าน และเขาก็บอกว่าเขาจะทำมันต่อไป และก็ขอให้พวกเราติดตามกันต่อไปก็แล้วกัน และก่อนที่ งานเลี้ยงจะมีการเลิกลานั้น เราก็ได้มีโอกาสได้คุยกับ ริคค์ แพร์รี่ ซึ่งผมแอบถามเขา เกี่ยวกับ ความเป็นไปได้เกี่ยวกับ การสร้างสนามใหม่ว่า มีความเป็นไปได้ไหมที่จะสร้างสนามใหม่? และถ้าสร้างแล้ว จะมีที่นั่งประมาณเท่าไหร่? ริคค์ แพร์รี่ บอกพวกผมว่า มีโอกาสเป็นไปได้ ที่จะสร้างสนามใหม่ โดยอาจจะสร้างในส่วนของ สวนสาธารณะสแตนลี่ย์ พาร์ค ซึ่งคาดว่าจะมีความจุมากกว่า 65,000 - 70,000 ที่นั่ง ซึ่งมากกว่าที่สนาม แอนฟิลด์ อยู่มาก นี่คือคำตอบจาก ผู้บริหารสโมสรลิเวอร์พูล ในความคิดเห็นเกี่ยวกับการสร้างสนามใหม่ หรือที่เรียกกันว่า New Anfield นั่นเอง ก่อนกลับ ริคค์ มอบเข็มกลัด ลิเวอร์พูล ให้ผมอันหนึ่งบอกว่าให้เอา เข็มกลัดนี้ไว้ติดที่ไทค์นะมันสวยดี เมื่อคุยถึงผู้บริหารสโมสรแล้ว ไม่พูดกับผู้จัดการทีม ก็กระไรอยู่ แน่นอน เชราร์ อุลลิเย่ร์ นั้นกำลังแจกลายเซ็น ให้กับแฟนบอลทั้งหลายอยู่ซึ่งตัวผมเอง ก็เป็นหนึ่งในคนที่กำลังขอด้วยเหมือนกัน และทำไงได้ก็ต้องรอ และก็รอต่อไป และความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่นจริงๆด้วย คือเราก็ได้ลายเซ็นและ ก็ได้ถ่ายรูปด้วยคุ้มค่าจริงๆ
ก่อนเสร็จสิ้นกิจกรรมของ ลิเวอร์พูลไทยแลนด์แฟนคลับ (L.T.F.) บรรดา Staff ของL.T.F ก็ได้หารือกันว่า พรุ่งนี้ขอให้เตรียมกาย+เตรียมใจ ให้พร้อมอีกครั้ง สำหรับงาน DTAC ด้วยในรายการ Meet#Greed ที่อาคาร นิมิบุตร โดย Staff พร้อมกัน 8.00 น. เป็นอันว่า
ลิเวอร์พูลไทยแลนด์แฟนคลับ( L.T.F.) และ The Kop ในเมืองไทยกับ กิจกรรมแรกต้อนรับ
นักเตะ LFC IN THAILAND สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี โดย น้าฐา โปรดติดตามตอนต่อไป...
ป.ล. พี่ฐาล่าลายเซ็นเพลินละซิ ไม่เหมือนผม กินอย่างเดียว ดังนั้นถามเรื่องอาหารผมได้ รายการอาหารเป็นดังนี้ Dinner Manu Seafood
Anti Pesto Clear Vegetable Soup Apple and Calvados Sorbet Oven
Roasted Chicken Supreme Pistachio
and Pitted Cherries Mousse Coffee
or Tea กินไอ-ติม ก่อน อาหารหลักครับ ที่ขมเพราะผสมไวย์ งานนี้อิ่มครับ ใกล้ชิดนักเตะมาก ยังมีรูปชัดๆ อีกมากที่ยังไม่ได้เอาลง เอาไว้จะค่อยๆทยอยเอาลงครับ ใจเย็นๆ
|
|
|
|
|
|
LiverpoolThailand.com. All rights reserved. Best viewed with IE 5.xx or higher, Screen Resolustions 800x600 pixels |