อาลัย "โจ เฟแกน"
อดีตผู้จัดการทีมผู้ยิ่งใหญ่ของ LiverpoolF.C.
( 1983 - 1985 )


     ก่อนที่ผมจะส่งเรื่อง บ๊อบ เพรสลี่ย์ ตอนที่ 2 ซึ่งได้เขียนเสร็จ นานแล้ว ก็มีโทร.จากพี่ ชัย The Kop พี่ชายที่น่ารัก บอกว่า รู้ไหมว่า " โจ เฟแกน " เสียชีวิตแล้ววันนี้เอง ( 3 กรกฏาคม 2544) ซึ่งผมได้ฟัง ถึงกับอึ้งไปเหมือนกันครับ และเหตุที่ โจ เฟแกน จากไป อย่างไม่มีวันกลับนั่นเอง ทำให้พวกเรา The Kop คิดว่าในงาน meeting#8 The kop Return ฉลอง 3 แชมป์ ที่ ลิเวอร์พูล ไทยแลนด์ แฟนคลับ จัดขึ้นในวันที่ 8 กรกฏาคมที่ ร.ร. เมอร์ชั่นคอร์ท ซึ่งในก่อนที่จะมีการสนุกสนาน ก็ขอให้ทุกๆท่าน ยืนไว้อาลัยให้กับ "โจ เฟแกน" และ บิลลี่ ลิดเดลล์ ซึ่ง The Kop ทุกท่าน ก็คงช็อคเหมือนกันกับผม อย่างแน่นอน เพราะความที่เป็น The Kop ด้วยกันนั่นเอง เรามาต่อ จากคราวที่แล้วเลยนะครับ หลังจากความสำเร็จของ บ๊อบ เพรสลี่ย์ ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยม ของเกาะอังกฤษ และ LFC เมื่อถึงจุดสูงสุดแล้ว บ๊อบ ได้ตัดสินใจ วางมือจากการเป็นผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ปัญหาที่ตามมาก็คือ ? ใคร? จะเป็นคนสานต่อให้ LFC ยิ่งใหญ่ต่อไป "โจ เฟแกน" ก็ได้ถูกแต่งตั้งให้เข้ามาเป็น ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล แทน บ๊อบ เพรสลี่ย์ ซึ่งสิ่งที่ เฟแกน รู้ดีก็คือว่า ภาระในการที่เขาจะนำ สโมสรลิเวอร์พูล ให้ยิ่งใหญ่นั้นเป็นภาระอันหนักอี้ง และเช่นเดียวกันกับ สมัยที่ บ๊อบ เพสลี่ย์ เป็นผู้จัดการทีม บรรดาสื่อมวลชน และพวกปากหอยปากปู ต่างพากันกล่าวเป็น เสียงเดียวกันว่า การที่จะมีผู้เป็นผู้จัดการทีม ต่อจาก ผู้ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วนั้น ต้องนำทีมคว้าแชมป์ ให้ได้เทียบเคียงกับ ผู้จัดการทีมคนก่อน (คือคว้าแชมป์ ได้เหมือนหรือมากกว่า บ๊อบ นั่นเอง) จึงจะถือว่าประสบผลสำเร็จ ในการคุมทีม อาจจะเรียกได้ว่า ลิเวอร์พูล ชุดนี้ มีแต่ทรงกับทรุดเท่านั้นเอง แต่บรรดาปากหอยปากปู คงลืมไปว่า "โจ เฟแกน" นั้นถือว่าเป็น ปูชนียบุคคล ของสโมสร ลิเวอร์พูล เลยก็ว่าได้ เนื่องจากว่า เขาทำงานให้ กับสโมสรนี้ตั้งแต่ปี 1958 ซึ่งเขาเป็น Staff ให้กับ 2 ผู้ยิ่งใหญ่ คือ อดีตปรมาจารย์ ลิเวอร์พูล บิล แชงคลี่ย์ และ ผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ บ๊อบ เพรสลี่ย์ เรียกได้ว่า เขาเองก็มีประสบการณ์ สั่งสมมากคนหนึ่ง รวมถึงความสำเร็จ ของสโมสรภายที่เขาเคย ได้รับด้วยเช่นกัน


     ในการคุมทีมของ โจ เฟแกน นั้น( ในฤดูกาล 1983 - 1984 ) ออกสตาร์ได้ไม่ดีนัก เมื่อลิเวอร์พูล พ่ายต่อ แมนฯยู ใน ศึก "แชร์ริตี้ ชิลลิ์" แต่ทว่าทีม ลิเวอร์พูล ภายใต้การทำทีมของ โจ นั้น ยิ่งเล่นยิ่งแข็งแกร่ง และแล้วภายในปีเดียว ของการคุมทีม ลิเวอร์พูล โจสามารถนำทีมกวาดแชมป์ได้ 3 แชมป์ในฤดูกาลเดียว เริ่มจาก แชมป์ดิวิชั่น 1 (ของตาย) ตามด้วย แชมป์ มิลค์ คัพ (เวิรทธิงตัน ลีกคัพปัจจุบัน) และ ตามด้วยการได้ แชมป์ยูโรเปี้ยนคัพ อีกสมัย (โจ เฟแกน เป็นผู้จัดการทีมคนแรก ของเกาะอังกฤษ และของ สโมสรลิเวอร์พูล ที่สามารถทำได้ 3 ถ้วยในฤดูกาลเดียว) ขอให้พิจารณาถ้วย ยูโรเปี้ยนคัพ สักนิดนึง *ถ้วย ยูโรเปี้ยนคัพ ใบนี้ ลิเวอร์พูล สามารถคว้าแชมป์มาได้ จากการที่เป็นแชมป์ ดิวิชั่น 1 (ไม่เหมือนบางทีมที่ได้ แค่อันดับ 2 แต่ได้สิทธิไปเล่น และ สามารถคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพได้)

      ถ้วย ยูโรเปี้ยนคัพ ใบนี้นั้น ลิเวอร์พูล ต้องบุกไปโค่นโรม่า ที่ กรุงโรม โอลิมปิค สเตเดี้ยม ซึ่งในสนามนั้นมีแฟน ลิเวอร์พูล เพียง 3,000 คนเท่านั้น ที่เหลือ เป็นแฟนโรม่าทั้งหมด คิดดูเอาก็แล้วกัน ว่าบรรยากาศจะกดดัน นักเตะลิเวอร์พูลขนาดไหน แต่ว่าถ้วยยูโรเปี้ยนคัพ ก็กลับมาเกาะอังกฤษจนได้ ด้วยการชนะ การดวลที่จุดโทษ และเสียงเพลง You 'll never walk alone ก็ดังกระหึ่มสนาม โอลิมปิคสเตเดี้ยม เรียกได้ว่า The Kop และ นักเตะลิเวอร์พูล บุกไปเผากรุงโรม นั่นเอง และหลังจากการแข่งขัน จบลง มีคนบอกผมว่า บรรยากาศในกรุงโรมนั้นเหมือนกันกับ ป่าช้า ยังไงยังงั้น และแฟนๆ ของลาซิโอ ก็มาร่วมฉลองด้วยเช่นกัน (เหตุการณ์นิ้ ก็เกิดซ้ำอีกครั้ง เหมือนประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เมื่อลิเวอร์พูล สามารถชนะ โรม่า ได้ 2 - 0 จากการทำประตูของโอเว่น ในศึก ยูฟ่าคัพ ทำให้บรรยากาศ ในกรุงโรมเงียบเหมือนป่าช้าอีกครั้ง)

     จากความสำเร็จของ โจ เฟแกน เพียงแค่ 1 ปี เขาสามารถ นำความสำเร็จมาสู่ ลิเวอร์พูล ได้ทำเอาบรรดาพวกปากหอยปากปู พูดไม่ออกเลย แต่ทว่า วัฏจักร ของฟุตบอล และชีวิต เมื่อมีจุดสูงสุดแล้ว ก็ต้องมีจุดต่ำสุด ไม่มีใครสามารถที่จะประสบความสำเร็จ ได้ค้ำฟ้าได้ตลอดไปอย่างแน่นอน (ผมเชื่อเช่นนี้)


     จากความสำเร็จ ในฤดูกาลที่ผ่านมาของสโมสร เพียงแค่ปีเดียว หลังจากนั้น ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทีมของ เฟแกน ไม่สามารถนำถ้วยใดๆ เข้ามาประดับสโมสรได้เลย โดยเสียแชมป์ดิวิชั่น 1 ให้กับ เอฟเวอร์ตัน และ เอฟ.เอ.คัพ ก็ตกรอบแพ้ แมนฯยู อีก และความหวังสุดท้ายของ โจ ก็คือ การพาทีมเข้าชิง ยูโรเปี้ยนคัพ อีกสมัย ซึ่งชิงกับ ยูเวนตุส ที่สนาม เฮย์เซลล์ สเตเดี้ยม ในประเทศเบลเยี่ยม (ปัจจุบันสนามนี้ เปลี่ยนชื่อเป็น คิง โบ ควง สเตเดี้ยม) แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นกับ โจ เฟแกน เมื่อเกิดเหตุการณ์ เฮย์เซลล์ สเตเดี้ยม ขึ้น เป็นเหตุให้ แฟนบอลเสียชีวิต 35 คน และเป็นเหตุให้นักเตะลิเวอร์พูล ไม่มีกำลังใจที่จะเล่นต่อไป และพ่าย ยูเวนตุสไป 0 - 1 (มิเชล พลาตินี) แต่ความซวยยังไม่หมด ลิเวอร์พูล ถูกยูฟ่าแบนจาการแข่งรายการใดๆ ก็ตามที่เกี่ยวกับ สโมสรยุโรป ห้ามแข่งเป็นเวลา 5 ปี ทุกสิ่งที่ โจ เฟแกน ทำมา ดูจะเลวร้ายไปเสียหมด มรสุมที่เลวร้ายที่มาอยู่ในชีวิตของ โจ เฟแกน ทำให้เขาต้องตัดสินใจลาออก จากการเป็นผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล ในที่สุด ซึ่งวันที่เขาลาออกนั้นเขาได้ร่ำไห้ หลั่งน้ำตาลูกผู้ชายออกมา เขาให้สัมภาษณ์ว่า " เขาไม่สามารถลืมเหตุการณ์ ที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตเขา และวงการฟุตบอลยุโรปได้ (เฮย์เซลล์ สเตเดี้ยมนั่นเอง)"

     แม้ว่า โจ จะคุมทีมลิเวอร์พูล เพียงแค่ 2 ปี แต่ว่า เขาสามารถที่จะนำความสำเร็จ สู่สโมสร ได้ในระดับหนึ่ง และบรรดานักเตะ และ The Kop ต่างก็ยกย่องเขา สรรเสริญ เขาต่างๆนานา พร้อมกับกล่าวว่า " คนดีๆอย่างเขา ไม่น่าที่จะเจอโชคชะตา ที่เลวร้ายเช่นนี้เลย"
และนี่ก็คือ บทสรุป ของ โจ เฟแกน ผู้จัดการทีมที่นำ 3 แชมป์มาสู่ลิเวอร์พูล เป็นคนแรกของเกาะอังกฤษ และสโมสร ลิเวอร์พูล

     แม้ว่าในอนาคต โจ จะไม่สามารถที่จะ รับรู้ถึงเรื่องราวต่างๆของ ลิเวอร์พูล ซึ่งจะเป็นนักเตะรุ่นลูก รุ่นหลาน เขาได้ทำไว้ แต่ผมเชื่อว่า ดวงวิญญาณ ของโจ เฟแกน ก็ยังคงอยู่ที่สโมสรแห่งนี้อย่างแน่นอน และสิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะบอก The Kop ทุกๆท่านว่า ไม่ว่า ผลงานของทีมลิเวอร์พูล จะเป็นเช่นไร พวกเราก็ต้องตามลุ้น ตามเชียร์อยู่ดี สิ่งหนึ่งที่ทุกคนมีเหมือนกันโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าจะมีชีวิตอยู่ หรือ เสียชีวิตไปแล้ว ก็คือความเป็น The Kop ในสายเลือดนั่นเอง


หลับสบายเถิดนะ โจ เฟแกน ผู้จัดการทีม ที่ยิ่งใหญ่ของ LiverpoolF.C.

walk on………………….
walk on…………………
with hope in your heart
and you'll never walk alone
YOU " LL NEVER WALK ALONE

 

ตอนหน้าพบกับ การทำทีมในฐานะ ผู้เล่น+ผู้จัดการทีม ของ เคนนี่ ดัลกลิช

 

โดย น้าฐา
dittha@liverpoolthailand.com

 

LiverpoolThailand.com. All rights reserved. Best viewed with IE 5.xx or higher, Screen Resolustions 800x600 pixels